TRAVEL - FASHION - LIFESTYLE

Wednesday 22 April 2020

ทำไมคนไทยถึงพูดภาษาอังกฤษไม่ได้? (Beeline Academy)


บทความชิ้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของซีรี่ย์ให้แพมเขียนให้กับ Beeline Academy โรงเรียนฝึกอบรมหัวหน้าทัวร์ เพราะเล็งเห็นว่าภาษาอังกฤษนั้นสำคัญมากสำหรับอาชีพหัวหน้าทัวร์ หลายคนเข้ามาสมัครแต่ภาษาอังกฤษไม่ได้เลยดูแล้วก็น่าสงสารทำให้โอกาสในการทำงานลดน้อยลงจึงเล็งเห็นว่าควรจะเขียนบทความเพื่อให้คนรู้สึกเลิกมีข้ออ้าง และเลิกกลัวภาษาอังกฤษสักที เพราะถ้าคุณมีความพยายามวันนึงจะต้องทำได้


. . .

คงไม่มีใครปฏิเสธว่าภาษาอังกฤษไม่สำคัญโดยเฉพาะสายงานท่องเที่ยวที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกับต่างประเทศ และแน่นอนคุณจะเป็นหัวหน้าทัวร์ที่ประสบความสําเร็จได้ยากมากหากคุณไม่รู้ภาษาอังกฤษ แต่ก่อนอื่นเพื่อที่จะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษเรามาดูอุปสรรคต่างๆที่ทำให้เราไปไม่ถึงฝันก่อนเพื่อที่เราจำไม่นำมันมาเป็นข้ออ้างอีกในอนาคตดีกว่า...

1. WE HAVE NEVER BEEN COLONISED: “ประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร”

ความภาคภูมิใจว่า “ประเทศไทยไม่เคยเป็นเมืองขึ้นของใคร” เป็นที่น่ายินดีก็จริง แต่มันก็เป็นจุดอ่อนในเวลาเดียวกัน ความรักชาติเป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่เราไม่ควรใช้มันเป็นข้ออ้างทำให้หลายๆคนไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษ ก่อนอื่นเราควรจะเปลี่ยนทัศนคติ เปิดใจ ยอมรับความเปลี่ยนแปลงของโลก และอย่ายึดติดกับความสำเร็จในอดีต

2. AWARENESS: “ตอนเด็กๆไม่รู้ว่าภาษาอังกฤษสำคัญ”

หลายคนเมื่อสมัยยังเป็นเด็ก อาจจะเคยสงสัยว่าทำไมจะต้องเรียนภาษาอังกฤษ เพราะมองไม่เห็นว่าจะใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไร และคิดว่าในอนาคตก็คงไม่ได้ใช้จึงทำให้ตอนนั้นไม่เห็นความสำคัญของภาษา การที่ไม่เคยเดินทางเป็นต่างประเทศ ไม่เคยเจอชาวต่างชาติ และไม่มีสื่อที่เป็นภาษาอังกฤษทำให้ยากที่จะเห็นว่าภาษาอังกฤษนำไปใช้ที่ไหนได้บ้าง เมื่อตอนนี้รู้แล้วว่าภาษาอังกฤษสำคัญก็อย่ารอช้า ฝึกฝนตอนนี้ก็ยังไม่สาย

3. EDUCATION: “วิธีการสอนภาษาอังกฤษที่ล้มเหลว”

เมื่อการเรียนไม่สนุก ก็เป็นปกติที่นักเรียนจะเบื่อ และไม่สนใจในเนื้อหา ยิ่งเป็นการเรียนที่เน้นการท่องจำ และไม่ได้ฝึกให้เข้าใจ หรือใช้งานจริงๆ เช่น การฝึกพูดคุย จำลองสถานการณ์จริง จะยิ่งน่าเบื่อเข้าไปใหญ่ ที่ผ่านมาการเรียนภาษาอังกฤษในเมืองไทยส่วนใหญ่จะเน้นให้ อ่าน ฟัง และเขียน แต่ไม่เน้นการพูดเท่าไหร่ จริงๆเรื่องนี้เราคงไปเปลี่ยนเขาไม่ได้ แนะนำว่าเราควรเปลี่ยนวิธีการเรียนรู้ของตัวเองดีกว่า ด้วยสื่อออนไลน์ที่ฟรี อย่าง YouTube ทำให้มีช่องทางการเรียนรู้ภาษาอังกฤษมากมายโดยที่เราไม่รู้ตัว แถมยังเป็นสื่อตรงผ่านเจ้าของภาษาอีกด้วย การเรียนผ่านวีดีโอที่มีเนื้อหาเป็นเรื่องที่เราสนใจจะทำให้เราเพลิดเพลิน และมีแรงบันดาลใจในการเรียนรู้มากขึ้นด้วย

4. I FORGOT: “ฉันจำไม่ได้”

เมื่อเรียนไปแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ใช้ก็ลืม เพราะสภาพแวดล้อมส่วนใหญ่จะพูดภาษาไทย และการรื้นฟื้นกลับมาเป็นอะไรที่ยากมากๆ กรณีนี้อาจจะต้องหาสภาพแวดล้อม เช่น หาที่ทำงานที่มีการใช้ภาษาอังกฤษ หรือไม่ก็สร้างสภาพแวดล้อมภาษาอังกฤษด้วยตนเอง โดยการฟังเพลง ดูหนัง เล่นเกมส์ การตั้งค่าเมนูในโทรศัพท์ หรือ การตั้งค่า Facebook ก็ควรจะพยายามใช้ภาษาอังกฤษให้มากที่สุด เราอาจจะไม่ชินในตอนแรก แต่เมื่อทำไปเรื่อยๆจะง่ายขึ้นแน่นอน

5. IT’S NOT EASY: “ก็มันไม่ง่าย”

ใช่ ภาษาอังกฤษไม่ง่าย เพราะมันแตกต่างจากภาษาไทยโดยสิ้นเชิง ภาษาไทยมีรากศัพท์คือบาลีสันสกฤต ส่วนภาษาอังกฤษมีรากศัพท์เป็นภาษาละติน จะเรียกว่าคนละตระกูลเลยก็ได้ จริงๆแล้วคนไทยจะเรียนภาษาจีนหรือภาษาฮินดีได้ง่ายกว่าภาษาอังกฤษ เพราะเรื่องการออกเสียง และคำศัพท์ในภาษาไทยหลายๆคำที่เราหยิบยืมมาจากภาษาฮินดีนั่นเอง อย่างภาษาจีนจะคล้ายกับภาษาไทยตรงที่ทั้งสองภาษาไม่มีเรื่อง Tense เหมือนในไวยากรณ์ภาษาอังกฤษ

จะออกเสียงภาษาอังกฤษให้ชัดต้องออกเสียงตัวสุดท้าย ยกตัวอย่างเช่น คำว่า “cat” แมว คนไทยมักจะออกเสียงว่า “แคด” โดยที่ไม่เน้นตัว “t” ซึ่งถ้าไปพูดกับฝรั่งจะฟังไม่ออก เป็นต้น เพราะฉะนั้นเวลาจะเรียนภาษาต้องฟังการออกเสียงให้มากๆ ฟังจนคุ้นชิน และพยายามออกเสียงให้เหมือน เพื่อที่เจ้าของภาษาจะได้เข้าใจเวลาเราพูดกับเขา

6. FEAR: “กลัวถูกคนรอบข้างมองว่ากระแดะ”

ความกลัวก็เป็นอีกหนึ่งอุปสรรคที่ทำให้หลายคนไม่ประสบความสำเร็จในการเรียนภาษาอังกฤษเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเพราะกลัวผิด หรือกลัวคนหัวเราะเยาะก็ตาม ล้วนแต่อยู่ในความคิดของเราคนเดียว เราควรจะรวบรวมความกล้าเพื่อการพัฒนาตนเองออกมาจาก comfort zone (พื้นที่สบายใจ) ใครจะหาว่ากระแดะก็อย่าไปสนใจ เพราะคนที่เขาด่าเรา ก็ใช่ว่าเขาจะประสบความสำเร็จนะ

อยากให้ทุกคนเปิดใจ และยอมรับว่าภาษาอังกฤษนั้นมีความสำคัญ ทุกคนสามารถเรียนภาษาอังกฤษได้ มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ถ้ามีความปรารถนาที่แรงกล้าพอ ซื่อสัตย์กับตัวเองที่จะไปให้ถึงเป้าหมาย กล้าที่จะเริ่มปฏิบัติทันที ความสำเร็จก็ไม่ไกลเกินเอื้อมแน่นอน

อ่านตอนที่แล้ว "หัวหน้าทัวร์ กับ มัคคุเทศก์ แตกต่างกันอย่างไร?"

#BeelineAcademy ฝึกอบรมหัวหน้าทัวร์
สนใจคอร์สเรียน ฝากชื่อ เบอร์โทร และอีเมล์ไว้ที่ Inbox ได้เลยครับ


. . .

เมื่อปี 2016 แพมตั้งใจก่อตั้ง Beeline Academy โรงเรียนอบรมหัวหน้าทัวร์ ขึ้นมาเพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรทางด้านการท่องเที่ยว และเฟ้นหาหัวหน้าทัวร์หน้าใหม่เข้ามาร่วมงานกับบริษัทบีไลน์ทัวร์ Beeline Tours & Travel และบริษัทอื่นๆที่ต้องการ เพราะบริษัททัวร์จำนวนมากประสบปัญหาขาดแคลนหัวหน้าทัวร์ในช่วงฤดูการท่องเที่ยวอย่างสงกรานต์ ทำให้เกิดการจ้างงานหัวหน้าทัวร์ที่ไม่มีคุณภาพส่งผลให้ลูกค้าไม่พึงพอใจในความสามารถ และการบริหารของหัวหน้าทัวร์ที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้เป็นจำนวนมาก

จากประสบการณ์ต้องบอกเลยว่าการที่หัวหน้าทัวร์มีบัตรผู้นำเที่ยวออกให้โดนการท่องเที่ยวนั้นไม่ได้แปลว่าเขาสามารถนำทัวร์ได้ดี เพราะหลักสูตร และการทดสอบไม่ได้เน้นสอนให้เขาเป็นหัวหน้าทัวร์ outbound (พานักท่องเที่ยวไทยไปต่างประเทศ) แต่เน้นให้เขาทำ inbound (พานักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวประเทศไทย) มากกว่าซึ่งเราจะเรียกไกด์ประเภทนี้ว่ามัคคุเทศก์ไม่ใช่หัวหน้าทัวร์ (อ่านต่อ: ความแตกต่างระหว่างมัคคุเทศก์ กับหัวหน้าทัวร์) แพมเลยใช้ช่องว่างตรงนี้ลองเปิดหลักสูตรชื่อว่า Tour Leader 1, Tour Leader 2 และ Tour Leader Private Class ขึ้นมา ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจมากทั้งคนสมัครเรียน หัวหน้าทัวร์มืออาชีพที่เห็นด้วยกับแนวทางการ และวิสัยทัศน์ของโรงเรียนทำให้มีหัวหน้าทัวร์เก่งๆอยากมาร่วมงานกับ Beeline มากขึ้น และนี่เป็นหนึ่งในบทความที่แพมเขียนขึ้นมาเป็นการโปรโมทโรงเรียนในช่วงนั้น เดี๋ยวจะทยอยเอามาลงเรื่อยๆ อย่าตกใจถ้าใช้ "ครับ" เพราะเป็น strategic decision เพื่อให้เกิด character และอารมณ์ของแบรนด์ที่แตกต่าง...


. . .
ตัวอย่างโพสต์จริงใน Facebook เมื่อปี 2016 คลิ๊กลิงค์






Photo by mentatdgt from Pexels
SHARE:

No comments

Post a Comment

Blogger Template Created by pipdig