TRAVEL - FASHION - LIFESTYLE

Thursday 23 April 2020

เผยความลับหัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์ (Beeline Academy)




โพสต์นี่เป็นบทความเก่าที่เขียนเมื่อสมัยมีตำแหน่งเป็น Marketing Communication Manager ที่บริษัทบีไลน์ทัวร์ Beeline Tours & Travel และ Beeline Academy โรงเรียนฝึกอบรมหัวหน้าทัวร์ ด้วยความที่นอกจากงานการตลาดแล้วยังรับหน้าที่ดูแลเรื่องการคัดเลือก และจัดคิวหัวหน้าทัวร์ด้วยจึงเริ่มจะเห็น pattern อะไรบางอย่างที่น่าสนใจเลยจับมาเป็นประเด็นเขียนบทความดังนี้..

ปล.​ เหตุผลที่ใช้ "ครับ" อยู่ตอนท้าย ไม่ต้องตกใจไปนะ

. . .

เมื่อปีที่แล้วหลายๆคนคงจะได้ดูหนังเรื่อง “ฟรีแลนซ์ ห้ามป่วย ห้ามพัก ห้ามรักหมอ” กันใช่ไหมครับ? เป็นเรื่องที่ต้องยอมรับว่าทุกวันนี้เราอยู่ในสังคมที่มีฟรีแลนซ์อยู่แทบทุกประเภทธุรกิจ ซึ่งในธุรกิจท่องเที่ยวก็เช่นกัน ปัจจุบันบริษัททัวร์ส่วนใหญ่ก็ใช้หัวหน้าทัวร์ที่เป็นฟรีแลนซ์กันทั้งนั้นครับ หลายคนอาจจะยังยึดติดว่าหัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์ไม่ดีเท่าหัวหน้าทัวร์ที่เป็นพนักงานประจำ เมื่อสมัย 10 ปีก่อน อาจจะจริง แต่สมัยนี้กลับกันครับ การเป็นหัวหนัาทัวร์ฟรีแลนซ์แปลว่าคุณต้องมั่นใจว่าคุณเจ๋ง เพราะถ้าคุณเป็นฟรีแลนซ์ที่ไม่เก่งจริง ไม่มีความรับผิดชอบ ไม่มีงานต่อเนื่อง ก็ไม่ต่างกับคนตกงานดีๆนี่เองครับ

หลายปีมานี้ทำให้ผมมีโอกาสได้พบเจอหัวหน้าทัวร์หลายประเภทครับ จึงสรุปให้เข้าใจกันง่ายๆได้เป็น 4 ประเภทหลักดังนี้:

1. หัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์ เกรด A งานเต็มตลอด

หัวหน้าทัวร์ประเภทนี้ คือหัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์คุณภาพดี ทำงานละเอียด ลูกค้าประทับใจ มักจะมีงานแทบทุกเดือนสม่ำเสมอ ไม่ค่อยเกี่ยงเส้นทาง มีการจองตัวล่วงหน้าหลายเดือน บางคนมีคิวข้ามปีกันเลยครับ

คำแนะนำ: ถ้าต้องการหัวหน้าทัวร์ประเภทนี้ต้องจองทัวร์ล่วงหน้าเร็วๆ อย่างน้อย 4 เดือนก่อนเดินทาง เพราะเมื่อทัวร์คอนเฟิร์มเร็วก็จะสามารถจองตัวหัวหน้าทัวร์ที่ดีได้เร็วเช่นกัน และถ้าคุณมีชื่อหัวหน้าทัวร์ในดวงใจลองเสนอชื่อกับทางบริษัททัวร์ได้เลยครับ (ถึงจะเคยเจอมาจากบริษัทอื่นก็ตาม)


2. หัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์ ตามฤดูกาล

หัวหน้าทัวร์ประเภท ตามฤดูกาล คือหัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์คล้ายแบบแรก ทำงานเป็น ฝีมือพอใช้ได้ แต่จะไม่เก่งเท่าประเภทที่ 1 มักจะมีงานเฉพาะช่วงเทศกาล เช่น สงกรานต์ ปีใหม่ เป็นต้น แต่ช่วงอื่นมักจะว่าง และต้องทำอาชีพเสริมอื่นๆในวงการท่องเที่ยว ลักษณะเด่นอีกอย่างของหัวหน้าทัวร์ประเภทนี้คือ จะเลือกรับงานเฉพาะ อิตาลี-สวิส-ฝรั่งเศส ครับ (เส้นทางสุดฮิตของทัวร์ไทย mainstream)

คำแนะนำ: ถ้าต้องการเจอหัวหน้าทัวร์ประเภทนี้แนะนำให้เที่ยวเส้นทางยอดฮิตในช่วงเทศกาลครับ


3. หัวหน้าทัวร์ฟรีแลนซ์ ที่มีงานประจำ

หัวหน้าทัวร์ประเภทนี้มักจะพาทัวร์เฉพาะช่วงวันหยุดเทศกาลครับ แตกต่างจากหัวหน้าทัวร์ประเภทอื่นคือ ไม่ได้เป็นหัวหน้าทัวร์อย่างเดียว แต่มักจะมีงานประจำเป็นหลักอยู่แล้วที่ไม่เกี่ยวกับการท่องเที่ยว หัวหน้าทัวร์กลุ่มนี้ถ้าถูกเทรนมาอย่างถูกหลักการ จะทำงานได้ดีมากครับ เพราะมีใจรักอยากจะทำจริงๆ ไม่เกี่ยงเรื่องเส้นทาง แต่มองว่าการเดินทางเป็นกำไรชีวิต ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่ยอมสละวันหยุดที่ควรจะได้ไปเที่ยวส่วนตัวกับครอบครัวมาทำงานจริงไหมครับ?

คำแนะนำ: หัวหน้าทัวร์ประเภทนี้ จะพบได้เฉพาะช่วงวันหยุดเทศกาล ส่วนมากจะเป็นเส้นทางที่ไม่ mainstream มากนัก


4. เพียงแค่เป็นมนุษย์

มนุษย์ประเภทนี้มักจะเป็นผู้ที่มีอีโก้แรงกล้า และมีความมั่นใจสูงมาก โดยไม่รู้ตัวเองว่าพาทัวร์ได้ไม่เอาไหนซะเลย ความรู้ไม่มี พูดหน้ารถก็ไม่เป็น บริการก็ไม่ได้ บางคนหน้าตายังไม่เป็นมิตรอีกต่างหาก จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า “ห่วยแตกขนาดนี้แล้วทำไมยังมีหลายๆบริษัทใช้อยู่ละ?” ก็เพราะว่าช่วงเทศกาล โดยเฉพาะสงกรานต์ เป็นช่วงที่หาหัวหน้าทัวร์ยากที่สุดครับ และเมื่อหาไม่ได้ก็จำเป็นต้องใช้ “มนุษย์” เหล่านี้ เพื่อขอแค่มีคนนำทางไปเท่านั้นครับ

คำแนะนำ: อันตราย! อย่าเจอเลยจะดีที่สุดครับ แม้จะเช็คประวัติจากบริษัททัวร์ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะถึงบริษัททัวร์จะรู้ เขาก็ไม่บอกคุณว่าไม่ดีหรอกครับ วีธีหลีกเลี่ยงหัวหน้าทัวร์ประเภทนี้คือ หลีกเลี่ยงการเที่ยวช่วงสงกรานต์ถ้าไม่จำเป็น จองทัวร์ล่วงหน้าก่อนเดินทางอย่างน้อย 4 เดือน เพื่อให้บริษัทได้จองตัวหัวหน้าทัวร์ที่ดีที่สุดไว้ให้คุณ


แล้วคุณล่ะ เคยเจอหัวหน้าทัวร์แบบไหนกันบ้างครับ?

. . .

เมื่อปี 2016 แพมตั้งใจก่อตั้ง Beeline Academy โรงเรียนอบรมหัวหน้าทัวร์ ขึ้นมาเพื่อเป็นการพัฒนาบุคลากรทางด้านการท่องเที่ยว และเฟ้นหาหัวหน้าทัวร์หน้าใหม่เข้ามาร่วมงานกับบริษัทบีไลน์ทัวร์ Beeline Tours & Travel และบริษัทอื่นๆที่ต้องการ เพราะบริษัททัวร์จำนวนมากประสบปัญหาขาดแคลนหัวหน้าทัวร์ในช่วงฤดูการท่องเที่ยวอย่างสงกรานต์ ทำให้เกิดการจ้างงานหัวหน้าทัวร์ที่ไม่มีคุณภาพส่งผลให้ลูกค้าไม่พึงพอใจในความสามารถ และการบริหารของหัวหน้าทัวร์ที่ไม่ได้มาตรฐานเหล่านี้เป็นจำนวนมาก

จากประสบการณ์ต้องบอกเลยว่าการที่หัวหน้าทัวร์มีบัตรผู้นำเที่ยวออกให้โดนการท่องเที่ยวนั้นไม่ได้แปลว่าเขาสามารถนำทัวร์ได้ดี เพราะหลักสูตร และการทดสอบไม่ได้เน้นสอนให้เขาเป็นหัวหน้าทัวร์ outbound (พานักท่องเที่ยวไทยไปต่างประเทศ) แต่เน้นให้เขาทำ inbound (พานักท่องเที่ยวต่างชาติเที่ยวประเทศไทย) มากกว่าซึ่งเราจะเรียกไกด์ประเภทนี้ว่ามัคคุเทศก์ไม่ใช่หัวหน้าทัวร์ (อ่านต่อ: ความแตกต่างระหว่างมัคคุเทศก์ กับหัวหน้าทัวร์) แพมเลยใช้ช่องว่างตรงนี้ลองเปิดหลักสูตรชื่อว่า Tour Leader 1, Tour Leader 2 และ Tour Leader Private Class ขึ้นมา ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจมากทั้งคนสมัครเรียน หัวหน้าทัวร์มืออาชีพที่เห็นด้วยกับแนวทางการ และวิสัยทัศน์ของโรงเรียนทำให้มีหัวหน้าทัวร์เก่งๆอยากมาร่วมงานกับ Beeline มากขึ้น และนี่เป็นหนึ่งในบทความที่แพมเขียนขึ้นมาเป็นการโปรโมทโรงเรียนในช่วงนั้น เดี๋ยวจะทยอยเอามาลงเรื่อยๆ อย่าตกใจถ้าใช้ "ครับ" เพราะเป็น strategic decision เพื่อให้เกิด character และอารมณ์ของแบรนด์ที่แตกต่าง...

. . .

ตัวอย่างโพสต์จริงใน Facebook เมื่อปี 2016 คลิ๊กลิงค์



Photo by VisionPic .net from Pexels


SHARE:

No comments

Post a Comment

Blogger Template Created by pipdig